เก็บตกริมทาง

โดย พงษ์พิพัฒน์ สายทอง  - 13 ส.ค. 2542


เก็บตกริมทาง



เช้าวันนี้ท้องฟ้าปิดเต็มไปด้วยเมฆฝนพวกเราทั้งสิบคนนั่งอยู่ในรถตู้ซึ่งเมื่อก่อน
เคยเป็นสีขาวแต่ปัจจุบันกลายเป็นสีครีมอ่อนๆสวยไปอีกแบบเราเริ่มออกจากตัว
เมืองลำปางเพื่อไปยังศูนย์อนุรักษ์ช้างไปได้ประมาณสิบนาทีฝนก็เริ่มโปรยปราย
ลงมาคล้ายว่าต้องการเป็นเพื่อนร่วมทางไปกับเราเสียงเครื่องยนตร์ครางกระหึ่ม
แข่งกับสายฝนที่ตกลงมาไปตลอดทางเรามุ่งหน้าไปทางอำเภอห้างฉัตรชั่วระยะ
เวลาไม่เกินสามสิบนาทีเรามาถึงจุดหมายแรกเหมือนฟ้าเข้าข้างเมื่อเราจอดรถ
ฝนก็หยุดตกในทันทีคงอยากให้เราได้ชมบรรยากาศโดยไม่มีสิ่งรบกวนกระมัง
และทันทีเราลงจากรถเราก็พบกับสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นคือช้างสองเชือก
ขนาดใหญ่ยืนโยกตัวไปมาคอยต้อนรับพวกเราไม่รอช้าผมรีบคว้ากล้องขึ้นมา
เพื่อเก็บภาพมาฝากท่านทันที

        


ก่อนที่เราจะมาที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยแห่งนี้เราทราบข้อมูลว่ามีการแสดงของ
ช้างให้นักท่องเที่ยวชมนั่นเป็นจุดมุ่งหมายของเราแต่ว่าในขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา
แสดงผมจึงเดินดูสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆจนมาพบกล้วยไม้ต้นหนึ่งมีกลีบดอกเป็นสี
ม่วงตัดกับใบหนาสีเขียวขึ้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวคล้ายกับว่าต้องการเป็นจุดสนใจ
แต่เท่าที่ผมสังเกตดูกลับไม่มีใครให้ความสนใจมากนักกระทั่งผมนำกล้องขึ้นมา
ถ่ายเพื่อเก็บภาพก็มีเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหยุดดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดิน
จากไปทำให้ผมฉุกคิดว่าราสนใจในสิ่งที่ไม่น่าสนใจหรือปล่าแต่ก็ช่างเถอะ
ถึงจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจสำหรับคนอื่นแต่เป็นเรื่องที่ผมยังไม่รู้แล้วผมสนใจ
คงไม่ใช่เรื่องผิดผมถามผู้ร่วมเดินทางที่มีความรู้เกี่ยวกับกล้วยไม้จึงรู้ว่ามันมีชื่อ
ว่า VANDA



vanda

เหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือได้เวลาแสดงของช้างแล้วนี่ตามผมมาเราจะไปดู
ูช้างแสดงกันเริ่มจากบรรดาช้างทั้งหลายเข้าแถวโดยแต่ละเชือกต่างใช้งวงจับ
หางของตัวข้างหน้าไว้และสองเชือกด้านหน้าสุดใช้งาช้อนปลายไม้ไว้ส่วนตรง
กลางมีฆ้องห้อยไว้สำหรับให้ช้างอีกเชือกหนึ่งซึ่งใช้งวงถือไม้ตีฆ้องตีเป็นจังหวะ
จนช้างทั้งหมดเดินเข้ามายังลานแสดง เมื่อพวกเราจับจองที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว

        


เข้าแถวเพื่อเดินไปยังลานแสดง

พิธีกรสาวเสียงใสก็กล่าวทักทายผู้ชมด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษจากนั้นก็
็ทำหน้าที่ของเธอด้วยความคล่องแคล่วจนทำให้ผมอดที่จะชื่นชมเธอไม่ได้แต่ก็
ได้เพียงชื่นชมเท่านั้นแหละครับคงจะเปลี่ยนเป็นชิดเชยไปไม่ได้หรอก
ผมเจียมตัวครับเอาล่ะหันมาดูช้างกันต่อดีกว่าเริ่มจากควาญช้างสาธิตวิธีขึ้นลง
ในท่าต่างๆซึ่งมีอยู่สามวิธีวิธีแรกคือขึ้นโดยสั่งให้ช้างยกเข่าด้านขวาหน้าขึ้น
แล้วจึงเหยียบขึ้นไปนั่งบนคอช้างส่วนวิธีที่สองควาญช้างสั่งให้ช้างหมอบลง
แล้วเหยียบที่เข่าขึ้นไปนั่งบนคอซึ่งผมคิดว่าวิธีที่สองน่าเหมาะสำหรับผม
เพราะมันไม่ต้องปีนสูงนักและวิธีสุดท้ายคือขึ้นจากทางด้านหน้าโดยจะให้ช้าง
หมอบลงเช่นกันแล้วเหยียบที่งวงปีนขึ้นไปบนคอช้าง



วิธีขึ้นช้าง

จากนั้นก็เป็นการแสดงการเก็บของมาให้ควาญช้างซึ่งก็มีอยู่สองถึงสามวิธี
โดยควาญช้างจะโยนตะขอสำหรับบังคับช้างไปข้างหน้าประมาณสิบก้าว
แล้วให้ช้างไปเก็บมาให้และอีกวิธีคือควาญช้างนั่งอยู่บนคอช้างแล้วทิ้งตะขอลง
มาแล้วให้ช้างเก็บให้อีกเช่นกันส่วนวิธีสุดท้ายก็ให้ช้างมาเก็บขยะแต่จะพิเศษ
อยู่เล็กน้อยก็ตรงที่ช้างที่มาเก็บขยะนั้นเคยเป็นดาราภาพยนตร์มาก่อนเรื่อง
DUMBO DROPเป็นภาพยนตร์แนวตลกเชิงอนุรักษ์เนื้อเรื่องก็คือทหารอเมริกันสุดห่วยหน่วยหนึ่ง
ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจพิเศษ คือให้ไปนำลูกช้างชื่อ BOTAT
จากประเทศกัมพูชามายังประเทศอเมริกาโดยไม่รู้เหตุผลของผู้บังคับบัญชา
แต่การไม่รู้เหตุผลนั้นยังไม่เท่าไหร่ยังมีปัญหาใหญ่โตที่รอพวกเขาอยู่ก็คือ
จะนำช้างตัวโตขนาดรถบรรทุกข้ามประเทศมาได้อย่างไรท่านต้องไปชม
ภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วล่ะ



botat

วกกลับมาที่การแสดงกันต่อขณะนี้เป็นการชักลากไม้ซุงในแบบต่างๆของช้างที่
ี่โตเต็มที่แล้วเมื่อชักลากมาวางเรียงกันเสร็จแล้วก็เป็นการจัดไม้ซุงเหล่านั้น
ขึ้นซ้อนๆกันโดยการใช้งวงกลิ้งไม้ที่มีขนาดเล็กส่วนไม้ขนาดใหญ่จะใช้
ช้างพลายที่มีงาสองเชือกมาช้อนปลายไม้ตัวละด้านไว้แล้วเดินไปพร้อมๆกัน
นำไปวางการวางท่อนซุงนั้นจะต้องวางทีละด้านซึ่งช้างจะวางได้นุ่มนวลมาก
เหมือนไม่รู้สึกหนักเลย



การชักลากไม้ซุง

และมาถึงการแสดงปิดท้ายเป็นการแสดงที่ผมชอบมากคือการวาดภาพโดยช้าง
ควาญช้างจะนำเอาพู่กันจุ่มสีมาให้ช้างวาดซึ่งเป็นภาพที่ช้างดูแล้วคงเข้าใจกัน
เองแต่ผมคิดว่ามันดูสวยดีจากนั้นพิธีกรสาวที่น่ารักคนเดิมก็ประกาศขายภาพ
เพื่อนำรายได้ไปชื้ออาหารให้ช้างเป็นที่น่าเสียดายผมดันลืมเอากระเปําเงินมา
จึงไม่ได้ชื้อไว้ เสียดายจริงๆ



ช้างวาดรูป

หลังจากดูการแสดงของช้างจบเราก็ออกเดินทางกันต่อเลยเพื่อไปยังน้ำตก
แจ้ซ้อนซึ่งเป็นที่หมายของเราต่อไป



คณะผู้ร่วมเดินทาง

พอรถเคลื่อนตัวออกจากศูนย์อนุรักษ์ช้างได้ไม่นานเพื่อนเก่าของเราก็กัลบมา
แถมตกลงมาหนักกว่าเดิมอีกเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับไร่นาที่อยู่ข้างทางได้
เป็นอย่างดีเราเดินทางวกกลับมาที่เส้นทางเดิมแล้วจึงเลี้ยวซ้ายไปทาง
อำเภอแจัห่มเดินทางประมาณเกือบ 1
ชั่วโมงเราก็ถึงอำเภอแจ้ห่มผู้นำทางหันมาบอกพวกเราว่าจากนี้ประมาณ
7 ถึง 8 กิโลเมตรจะพบทางสามแยกเราจะเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปอีกประมาณ
20นาทีก็จะถึงน้ำตกแจ้ซ้อนเมื่อรถของเรามาถึงตรงปากทางเข้าต้องเสียค่า
ผ่านประตูเพียง 30 บาทต่อพวกเราทั้งหมดสิบคนซึ่งมารู้ในภายหลังว่า
ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตูนี่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาพพจฯ์ของการท่องเที่ยว
เสียหายได้เราจอดรถแล้วช่วยกันขนเสบียงอาหารไปยังศาลาหกเหลี่ยมระหว่าง
ทางเราพบกับบ่อน้ำพุร้อนซึ่งสามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายใน 17นาทีแต่ที่บริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีกลิ่นของกำมะถันฉุนมากไม่สามารถยืนดู
อยู่ได้นานนัก

        


บ่อน้ำพุร้อน

เมื่อมาถึงศาลาหกเหลี่ยมเราจัดแจงวางข้าวของเรียบร้อยแล้วผมจึงได้เข้าใจ
กับสัจธรรมที่ว่า"ความหิวไม่เคยปราณีใคร"เลยเวลาอาหารมาเป็นเวลาพอ
สมควรแล้วเราจึงพักรับประทานอาหารเที่ยงกันที่นั่นเมื่ออิ่มกันแล้วผมจึงเดินไป
ดูรอบๆบริเวณข้างศาลามีลำธารน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาสามารถใช้ล้างมือ
ล้างหน้าได้

        


ลำธาร

เมื่อเดินกลับมาที่ศาลาผมคิดว่าจะเดินขึ้นไปดูน้ำตกเสียหน่อยแต่ผู้นำทาง
ที่น่ารักของเราเตือนว่าอาจจะมีน้ำหลากได้เนื่องจากฝนตกหนักเพื่อเป็นการ
ไม่ประมาทผมจึงตัดสินใจไม่ขึ้นไปดูต้องขออภัยที่ไม่มีรูปมาฝากคุณๆ ผมเลยใช้
้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการเขียนต้นฉบับเพื่อรีบส่งให้กับรรณาธิการ
ของผมขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นั้นพลันหูผมก็ได้ยินเสียงนกร้องอยู่ในบริเวณ
ใก้ลๆ เร็วเท่าความคิด ผมคว้ากล้อง SONY DIGITAL MAVICA
เดินหาเจ้าของเสียงทันทีแล้วก็ไม่ผิดหวังผมพบเค้าแล้วมันเป็นนกกระจิบ
ขนาดเล็กมีขนที่หน้าอกตลอดจนถึงหน้าท้องเป็นสีเหลืองอ่อนส่วนที่หัวและ
ด้านหลังมีสีน้ำตาลเข้มในระหว่างที่ผพยายามจะถ่ายอยู่นั้นผมพบกับปัญหา
อย่างหนึ่งก็คือเมื่อผมเดินเข้าไปใก้ลมันก็จะบินขยับห่างออกไปตาม
สัญชาตญานของสัตว์ป่า และอีกอย่างกล้องขอผมงซึ่งเป็นแบบ DIGITAL
ระยะของการซูมน้อยมากถ้าภาพออกมาอยู่ในระยะไกลก็ต้องขออภัยไว้ ณ
ที่นี้ด้วยนะครับ



นกกระจิบ

เป็นดั่งคำโบราณที่ว่า "วันและเวลาไม่เคยคอยใคร"ผมมองดูเวลาจากนาฬิกา
ที่ข้อมือบอกเวลาที่ 16.30 น.บวกกับบรรยากาศในขณะนี้ซึ่งฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ทำให้บรรยากาศรอบข้างมืดเร็วกว่าปกติเราจึงมีความเห็นตรงกันว่าควรเดินทาง
กลับกันได้แล้วดังนั้นเราจึงช่วยกันเก็บขยะทิ้งลงถังและเก็บสัมภาระกลับไปที่รถ
เพื่อเดินทางกลับที่พักแล้วรถตู้เก่าๆ สีครีมก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวจากสถานที่แห่งนั้น
ไปโดยทิ้งเพียงแต่รอยเท้าและเก็บเพียงภาพถ่ายกับความทรงจำที่ดีไว้เท่านั้น
สวัสดีครับ