|
ครูชาตรีสอนสมการคณิตศาสตร์
โดย
ณัฏฐพล ขวัญเจริญ - 13 มิ.ย. 2547
 | ครูชาตรีไม่ใช่ครูที่เก่งคณิตศาสตร์ ถ้าเป็นยุคนี้ในวันนั้นก็จะพูดว่า สมองซีกซ้ายทำงานน้อยกว่าสมองซีกขวา เพราะถนัดไม่เท่ากัน ถ้าเชื่ออย่างนั้นก็หมดปัญหา เหมือนกับเราเชื่อว่าเพราะกรรมเก่า แต่ครูชาตรีเชื่อว่า การฝึกฝนด้านคณิตศาสตร์น้อยเกินไป เพราะครูชาตรีเอาใจใส่ต่อวรรณกรรม กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ มากเกินไป ถ้าฝึกคณิตศาสตร์ให้มากเหมือนการฝึกเขียนกลอนรัก ครูชาตรี ก็จะเก่งคณิตศาสตร์ ครูชาตรีไม่รู้วิธีการเรียนรู้ วิธีเรียนคณิตศาสตร์ไม่เหมือนกับกลอนแปด ซึ่งครูชาตรีเก่งมาก ขนาดที่ว่าเมื่อครูชาตรีเห็นบทประพันธ์ แล้วอ่านเพียงครั้งเดียวก็จะถอดรหัส มาเขียนผังคำประพันธ์ได้ แล้วทำไมผมถึงไม่ฝึกคิดเชิงคณิตศาสตร์บ้าง ครูชาตรีกล่าว | หลายๆ คนคงจะได้ยินคำถามเดียวกันกับครูชาตรี ที่มักมีคนถามว่า สมการสอนอย่างไร หรือ สอนคณิตศาสตร์อย่างไรให้สนุก มีพุทธศาสนสุภาษิตอยู่บทหนึ่งที่ทำให้ครูชาตรีเพียรพยายามศึกษาวิธีการสอนสมการให้แก่ตัวเอง พุทธศาสนสุภาษิตบทนั้นคือ
|  | ทำสิ่งใดได้ จึงค่อยพูดถึงสิ่งนั้น
ทำสิ่งใดไม่ได้ อย่าพูดถึงสิ่งนั้น
คนที่ทำไม่ได้ ดีแต่พูดนั้น
พวกคนฉลาด เขากำหนดรู้ได้ | คนเราถ้าเพียรพยายามกระทำในสิ่งที่ตนชอบแม้จะยากลำบากเพียงใดก็จะไม่ละความเพียรต่อสิ่งที่ใคร่เรียนใคร่รู้ นี่คือธรรมชาติของคนที่ยังเป็นคน ครูชาตรีก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ด้วยเหตุนี้ครูชาตรีจึงคิดว่าครูจะทำอย่างไรให้เด็กชอบในสิ่งที่เด็กกำลังเรียนรู้ มากกว่าเลือกเรียนรู้แต่สิ่งที่เด็กชอบเพียงอย่างเดียว
"สมการสอนอย่างไร สมการสอนอย่างไรให้ง่าย วันนี้ครูชาตรีมีคำตอบมาให้เพื่อนครู โดยวิธีการศึกษาค้นคว้าหาคำตอบจากหนังสือวิชาการจากท่านผู้รู้ มาฝึกคิด ฝึกทำ ฝึกสอน จนเข้าใจ โดยมีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเป็นครู ความรู้มีอยู่แล้ว คนหาความรู้มีอยู่แล้ว เพียงแต่รู้จักนำวิธีการหาความรู้ มานำความรู้ก็จะได้ความรู้ |
สอนภาษา สมการ ชีวิต เด็กๆ พร้อมแล้วหรือยัง พร้อมแล้วครับ เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับที่เด็กๆ ต่างก็วิ่งพรูกันมายืนตรงหน้าครู> วันนี้เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีกว่านะ ครูชาตรีกล่าวขึ้นนำ |  | เล่นอะไรค่ะ / ครับ เสียงถามด้วยความใคร่รู้ ครูชาตรีเงียบ ทิ้งช่วงให้เด็กๆ สงสัยเพิ่มขึ้นก่อนที่จะเริ่มเรื่อง ครูมีลูกอมในกล่องนี้ สิบสองเม็ด พูดพลางครูชาตรีก็ชี้นิ้วไปที่กล่องลูกอมหน้าห้องเรียน เด็กๆ ทุกคนดูกล่องใบนั้น และในกล่องอีกใบหนึ่ง ครูชาตรีชูกล่องอีกใบหนึ่งให้เด็กๆ ดูพร้อมกับเขย่าเบาๆ เสียงสิ่งของภายในกล่องกระทบกัน เด็กๆ อยากรู้จึงเงียบเสียงเงี่ยหูฟัง ครูชาตรีเขย่ากล่องแรงขึ้น |
ลูกอมแน่ๆ เด็กคนหนึ่งพูดนำ พอสิ่งสิ้นเสียงนั้นก็มีเสียงรับว่า ใช่ๆ ใช่แล้ว ลูกอม มีจำนวนกี่เม็ดครูไม่ทราบ ครูชาตรีพูดเสร็จก็เงียบดูท่าทีความสนใจของเด็กว่าจะมีมากน้อยเพียงใด แน่นอนสื่อที่ครูชาตรีนำมาย่อมจะเรียกร้องความสนใจของเด็กๆ เพราะเป็น สื่อชวนกิน |  |
ครูมีลูกอมในกล่องใบนั้นสิบสองเม็ด ครูชาตรีทวนความจำให้เด็ก และในใบนี้ไม่ทราบจำนวน ครูชาตรียกกล่องอีกใบให้ดูใหม่แล้วพูดต่อไปว่า แต่นับลูกอมรวมกันทั้งสองกล่องได้ยี่สิบเจ็ดเม็ด ครูชาตรีหยุดแค่นี้เพื่อให้เด็กทบทวนความจำเกี่ยวกับจำนวนลูกอมที่ทราบจำนวนแล้ว ครูชาตรีก็พูดต่ออีกว่า ครูอยากรู้ว่า ลูกอม ที่อยู่ในกล่องใบนี้มีจำนวนเท่าไร เด็กเงียบเสียงชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็เริ่มคิดดังๆ บางคนทบทวนจำนวนลูกอม เท่าที่รู้จำนวน ครูชาตรีทิ้งระยะไว้ให้เด็กดู ตอนนี้เด็กๆ จะคิดช้าเพราะไม่ได้เขียนแสดงจำนวนให้เห็น ครูชาตรีจึงนำกระดานแผ่นโตที่อยู่ใกล้ๆ มือ มาเตรียมเขียนแล้วพูดต่ออีกว่า ครูจะเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ให้ดู ครูชาตรีพูดเน้นคำว่าประโยคสัญลักษณ์ดังๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ เห็นความสัมพันธ์ของโจทย์ปัญหากับประโยคสัญลักษณ์ แล้วก็เขียนแสดงเป็นภาพดังนี้
 พร้อมกับทบทวนว่า กล่องใบแรกมีลูกอมจำนวนสิบสองเม็ด ใบที่สองไม่ทราบจำนวน แต่เมื่อนับรวมกันได้ยี่สิบเจ็ดเม็ด พูดพลางชี้นิ้วไปบนภาพตามคำพูด มาริษาตอบว่า สิบห้าเม็ด เสียงเด็กคนอื่นก็ดังขึ้นมาว่า ใช่ แน่นอนถ้าคนหนึ่งตอบถูก เด็กอีกหลายๆ คนก็จะมองเห็นภาพคำตอบ และเสียงตอบรับหรือยืนยันคำตอบนั้นจะดังขึ้นมาสนับสนุน การให้โอกาสเด็กได้เห็นของจริงเห็นภาพประโยคสัญลักษณ์ที่มาจากความจริง นำสู่การยืนยันคำตอบด้วยการพิสูจน์ความจริง จะช่วยให้เด็กเรียนรู้การคิดคำนวณได้เข้าใจเร็วขึ้น ครูชาตรีจึงแกะกล่องลูกอมมาให้มาริษานับ เพราะเธอตอบถูก เด็กๆ ปรบมือให้ ครูชาตรีจึงเขียนจำนวน 15 ลงในกล่องใบที่สอง ทุกคนจะได้รับรางวัลคนละเม็ด เพราะครูชาตรีเตรียมสื่อบทเรียนแรกได้ให้พอกับจำนวนเด็กในห้องเรียน ครูชาตรีแอบเห็นเด็กบางคนทิ้งเปลือกลูกอมไว้บนพื้นดินและเมื่อภาณุพับกระดาษห่อลูกอมเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา ครูชาตรีก็พูดชมเด็กน้อยว่า ขอบใจมากภาณุ ที่ลูกไม่ทิ้งเปลือกลูกอมให้เป็นขยะในสวนยาง เจ้าของสวนยางจะไม่ว่าครูว่าไม่ได้สอนเด็กๆ ลูกเก่งมาก ภาณุยิ้ม ส่วนเด็กๆ คนอื่นรีบก้มลงเก็บเปลือกลูกอมใส่ไว้ในกระเป๋าของตน การที่ครูชาตรีนำลูกอมมาเป็นสื่อการสอน เป็นการการสร้างแรงจูงมือ ให้เด็กๆ หันกลับมาสนใจต่อสิ่งที่เด็กอยากรู้ อยากเรียน สื่อที่ดึงใจเด็กได้ กิจกรรมง่ายๆ ที่เด็กเรียนรู้แล้วเข้าใจทีละขั้นทีละตอน จะเป็น แรงจูงใจ ให้เด็กใส่ใจเรียนรู้กับบทเรียนบทนั้นต่อไป ในชีวิตแห่งความเป็นจริงนั้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแต่ละครั้งใช่ว่าเด็กทุกคนในชั้นเรียนจะร่วมเรียนรู้ทุกคน มีเด็กบางคนที่บางครั้งจะไม่สนใจเรียนในเรื่องราวที่ครูเตรียมให้เพราะไม่เร้าใจเด็ก พูดง่ายๆ ว่าไม่น่าสนใจสำหรับเขา แต่ในขณะเดียวกันนั้นบทเรียนนั้นกลับเป็นที่สนใจของเด็กอีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีอยู่เพียง 2-3 คน ในชั้นเรียนนั้นๆ นี่คือเรื่องที่น่าสนใจ สังเกต บันทึก ปรับปรุง เพราะนี่คือวิชาครูที่แท้จริงของครู |


|