Untitled Document

สถานที่ท่องเที่ยว

โดย คุณป้าสม

สายหมอกในตอนเช้า

อากาศที่เริ่มเย็นลงจนสัมผัสได้

เป็นสัญญาณบอกให้เรารู้ว่า

เริ่มแล้ว ฤดูกาลแห่งการ

ท่องเที่ยวได้มาถึงแล้ว

สำหรับท่านผู้อ่านที่คิดว่าจะมาเที่ยวลำปางนั้น
ขอบอกก่อนว่าจังหวัดนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย
มีเกือบทุกพื้นที่เลยที่เดียวไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวจากธรรมชาติ
หรือแหล่งโบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ

วันนี้ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางที่ไปด้วยกันทางเดียวกัน
ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลา และเสียอารมณ์
ถ้าท่านรู้จักเส้นทางก่อนที่จะ
ไป จริงมั้ย ?

เรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า โดยจุดศูนย์กลางเริ่มต้นอยู่ที่ในตัวเมืองลำปาง
1. เส้นทางสายลำปาง - เชียงราย บนถนนสายนี้ท่านจะได้พบกับสถานที่ ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ
(1.1) แหล่งภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ค่ายประตูผา

ภาพที่1 ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ค่ายประตูผา

ถ้าท่านขับรถยนต์ส่วนตัวก็จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งแล้วแต่การชำนาญทางในการขับ เพราะถนนสายนี้มีความคดเคี้ยวพอสมควร ระยะทางประมาณ 50 ก.ม.จากตัวเมือง
เมื่อท่านมาถึงศาลเจ้าพ่อประตูผา อย่าลืมแวะเคารพท่านก่อนนะ บนลาน แห่งนี้จะมีชาวบ้านนำสินค้าพื้นบ้าน จำพวกสมุนไพรบ้าง ผักพื้นบ้านบ้าง ของที่ระลึกบ้าง มาขายทุกวัน
แหล่งภาพเขียนสีนี้ตั้งอยู่บริเวณหน้าผาด้านหลังศาลเจ้าพ่อประตูผา ให้ท่านจอดรถไว้ที่ศาลนี่แหละ แล้วจึงเดินไปตามทางที่ชาวบ้านใช้ จะพบเห็นภาพเขียนสีบนผนังหน้าผาเป็นระยะๆ ตลอดแนวผา ตั้งแต่ผาที่ 1 ถึง ผาที่ 8 ความยาวประมาณ 130 เมตร มีอายุประมาณ 2,500 –3,000 ปีมาแล้ว และค้นพบเมื่อ พ.ศ.2541

(1.2) ถ้ำผาไท

หลังจากชมภาพเขียนสีเรียบร้อยแล้ว ลองขับรถขึ้นไปต่ออีกเล็กน้อย ไม่ถึง 5 ก.ม.ก็จะถึง ถ้ำผาไทซึ่งเป็นถ้ำที่สวยที่สุดของลำปาง ภายในถ้ำ ท่านจะตะลึงกับความงดงามของ หินงอกหินย้อยที่สลับซับซ้อนกันอยู่ภายในถ้ำ ระยะทางจากตัวเมืองถึงถ้ำ ประมาณ 53 ก.ม.

2. ถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม-วังเหนือ เส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ
(1) วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกวังแก้ว ตั้งอยู่ในเขตอำเภอวังเหนือ จัดว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของจังหวัดลำปาง มีความงดงามของชั้นน้ำตกรวมกันถึง 110 ชั้น ถ้าท่านขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดแล้วท่านจะได้พบกับหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า ซึ่งท่านจะได้เห็นวิถีชีวิตที่ต่างไปจากชนพื้นราบ ระยะทางจากตัวเมืองจนถึงน้ำตก ประมาณ 130 ก.ม.
(2) วนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองปาน มีสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยว คือ
1.น้ำพุร้อน เมื่อท่านเดินทางถึงวนอุทยานฯ ท่านจะสัมผัสได้ถึง กลิ่นของก๊าซซัลเฟอร์ หรือเรียกง่ายๆว่ากาซไข่เน่า น้ำพุร้อนนี้เป็นธารน้ำร้อนที่มีไอน้ำร้อนอันเกิดจากน้ำพุระเหยขึ้นตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำร้อน ประมาณ 70- 80 องศาเซลเซียส ไปเที่ยวน้ำพุร้อนทั้งทีไม่ มีไข่ไปแช่ก็เหมือนไม่ได้ไป แต่ถ้าไม่ได้เตรียมไปไม่เป็นไร มีแม่ค้านำมาขายอยู่ เรียกซื้อเรียกหาได้ โดยใช้เวลาในการแช่ (ต้ม)ในน้ำพุร้อนนี้ประมาณ 10 นาที ไข่ก็จะสุก ท่านจะได้ลิ้มลองรสไข่ต้มที่แสนจะอร่อย
นอกจากนี้สำหรับท่านที่ปวดเมื่อยตามร่างกาย หรืออยากจะอาบน้ำแร่ ทางวนอุทยานฯได้จัดสถานที่อาบน้ำแร่ไว้บริการด้วย
2. น้ำตกแจ้ซ้อน อยู่เลยขึ้นไปจากน้ำพุร้อน ประมาร 1 ก.ม.เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของลำปาง บริเวณลานน้ำตก และลานน้ำพุร้อน จะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้า ขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย

เส้นทางในการไปเที่ยววนอุทยานแจ้ซ้อน ไปได้ 2 ทาง คือ
1.ถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม ใช้เวลาประมาณ 45 นาที –1 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 51 ก.ม.ก็จะถึงทางแยกเข้าน้ำตก ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือ ถ้ามาจากตัวเมือง จากนั้นท่านก็ขับรถเข้าไปอีกประมาณ 25 ก.ม.เป็นอันว่ามาถึงน้ำตก ตลอดสองข้างทางท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติที่สวยงาม เมื่อรวมระยะทางทั้งหมด ประมาณ 76 ก.ม.

2. ถนนสายลำปาง - ห้วยเป้ง - เมืองปาน ซึ่งจะย่นระยะทางลงประมาณ
20 ก.ม.เมื่อเทียบกับการไปทางแจ้ห่ม ตลอดเส้นทางนี้ มีทั้งหมู่บ้านและภูเขาสลับกันไป ถ้าผ่านหมู่บ้านก็จะเห็นมีสินค้าพื้นบ้าน เช่น อาหาร ผัก ผ้าทอ วางขายอยู่ ท่านที่ชื่นชอบสิ่งของเหล่านี้ คงจะไม่ผิดหวังกับการไปเที่ยวที่วนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

(3) วัดเจดีย์ซาว ตั้งอยู่ในหมู่บ้านวังหม้ออำเภอเมืองนี่เอง เป็นวัดที่มีลักษณะการก่อสร้างเป็นศิลปะแบบพม่าผสมศิลปะแบบล้านนา โดยมีเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง อีก 19 องค์ล้อมรอบความโดดเด่นสวยงามของวัดอยู่ที่พระเจดีย์สีขาวบางท่านอาจแปลกหูว่า “ซาว”คืออะไร คำนี้เป็นภาษาคำเมือง แปลว่ายี่สิบ มีคำกล่าวไว้ว่าถ้าใครไปเที่ยวแล้วนับพระเจดีย์ได้ครบยี่สิบถือว่ามีบุญนอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระแสนแช่ทองคำเป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ มีน้ำหนักประมาณ 95.5 บาท และศิลปวัฒนธรรมวัตถุโบราณอื่นๆอีกมากระยะทางจากตัวเมืองถึงวัด ประมาณ6 กิโลเมตรเท่านั้น

3. เส้นทางบนถนนสายลำปาง – เชียงใหม่ ที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งเดียวในโลก คือ
(ศูนย์คชบาลแห่งประเทศไทย หรือศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย นั่นเอง
ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกลูกช้างและรักษาช้างที่เจ็บป่วย ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งวันแต่ถ้าจะชม การแสดงความสามารถของช้างละก็ มีเพียงวันละ 2 รอบ คือเวลา 10.00 น. และ 11.00 น.ส่วนในวันหยุดเพิ่มรอบการแสดงเวลา 13.30 น.
หลังจากชมการแสดงแล้ว ถ้าอยากจะลองนั่งบนหลังช้างว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ทางศูนย์ฯได้จัดช้าง พร้อมควาญช้างที่ชำนาญมาไว้บริการ ตั้งแต่เวลา 08.30 น – 15.30 น. ของทุกๆ วัน ระยะทางจากตัวเมืองถึงศูนย์ฯประมาณ 30 ก.ม.
นอกจากนี้ทางศูนย์ฯได้จัดงานสะโตกช้างขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายในงานมีการแสดงเลี้ยงสะโตกช้าง (ขันโตก )ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการแสดงของช้าง มีขบวนแห่สะโตกช้างที่งดงามตระการตา หลังจากนั้นมีการกินข้าวแลงขันโตก พร้อมกับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านท่านที่สนใจงานสะโตกช้างนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การปกครองจังหวัด ลำปางโทรศัพท์ 0 - 542 - 650 - 11

4. บนถนนสายลำปาง - เกาะคา และบนถนนสาย เกาะคา – ห้างฉัตร
สถานที่นี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และเป็นสิ่งคู่เมืองลำปางมายาวนาน
วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์มีความสวยงามทั้งทางด้าน สถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม และที่สำคัญวัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตพระคู่บ้านคู่เมืองของลำปาง
ท่านสามารถเดินทางจากตัวเมืองลำปาง ถึงวัด โดยใช้เส้นทาง ลำปาง - เกาะคา หรือใช้เส้นทาง ลำปาง - ห้างฉัตร - เกาะคา ระยะทางประมาณ
18 ก.ม.

5. อื่นๆ จังหวัดลำปางยังมีสถานที่ให้ท่านได้เที่ยวชมอีกมากมาย นอกเหนือจากที่ได้แนะนำไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นประเภท โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศาสนาที่คุณค่าน่าศึกษาทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง เช่น วัดพระธาตุเสด็จวัดพระแก้วตอนเต้าสุชาดาราม วัดปงสนุก วัดศรีชุม วัดป่าฝาง
วัดศรีรองเมือง วัดไหล่หิน วัดพระธาตุจอมปิง วัดปงยางคก และสถานที่เก่าแก่ที่แสดงถึงความเจริญทางด้านการค้าของลำปางในอดีต นั่นคือ ตลาดจีน
สำหรับรายละเอียดของสถานที่เหล่านี้ ฉบับหน้าจะมาบอกกล่าวให้ท่านทราบต่อไป